ค่าใช้น้ำบาดาล ในประเทศไทยมีการจัดเก็บตามพระราชบัญญัติน้ำบาดาล ซึ่งถูกควบคุมโดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การใช้น้ำบาดาลมีค่าใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์การใช้งานและปริมาณน้ำที่ใช้ โดยมีหลักเกณฑ์ที่ใช้คำนวณและจัดเก็บ ดังนี้:
1. ค่าธรรมเนียมการใช้น้ำบาดาล
ค่าธรรมเนียมการใช้น้ำบาดาลจะคำนวณจากปริมาณน้ำที่ใช้งาน ซึ่งมีหน่วยเป็นลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) และประเภทการใช้งาน เช่น:
- เพื่อการอุปโภคบริโภค: อัตรานี้มักถูกเก็บในอัตราต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม
- เพื่อการเกษตร: มีการลดหย่อนอัตราค่าธรรมเนียมบางส่วนสำหรับเกษตรกร
- เพื่อการอุตสาหกรรมและพาณิชย์: อัตราค่าธรรมเนียมจะสูงกว่าประเภทอื่นๆ
ตัวอย่างอัตราค่าธรรมเนียมการใช้น้ำบาดาล:
- ใช้เพื่ออุปโภคบริโภค: ไม่เกิน 3 บาท/ลูกบาศก์เมตร
- ใช้ในภาคอุตสาหกรรมและพาณิชย์: ตั้งแต่ 3-10 บาท/ลูกบาศก์เมตร (ขึ้นอยู่กับประเภทอุตสาหกรรม)
2. ค่าธรรมเนียมขออนุญาตใช้น้ำบาดาล
การขออนุญาตใช้น้ำบาดาลต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียมขออนุญาต ตามประเภทของการใช้งาน และขนาดของบ่อ เช่น:
- ค่าธรรมเนียมขออนุญาตขุดเจาะบ่อบาดาล
- ค่าธรรมเนียมการใช้น้ำบาดาลรายปี
3. ค่าธรรมเนียมอื่นๆ
- ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งมิเตอร์น้ำบาดาล (สำหรับการวัดปริมาณน้ำที่ใช้งาน)
- ค่าใช้จ่ายในการขุดเจาะบ่อบาดาล (กรณีที่ต้องการสร้างบ่อใหม่)
4. การคำนวณค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมการใช้น้ำบาดาลจะคำนวณจากปริมาณน้ำที่ใช้ในแต่ละเดือน โดยวัดจากมิเตอร์ที่ติดตั้งกับบ่อบาดาล ค่าธรรมเนียมจะถูกคำนวณและจัดเก็บตามอัตราที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลกำหนด
5. การยกเว้นและลดหย่อน
- กรณีใช้น้ำบาดาลเพื่อการเกษตร หรือชุมชนขนาดเล็ก อาจมีการยกเว้นหรือลดหย่อนค่าธรรมเนียมบางส่วนตามนโยบายของรัฐ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือการขออนุญาตใช้น้ำบาดาล คุณสามารถติดต่อที่สำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาลในพื้นที่หรือกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเพื่อสอบถามรายละเอียด